รายงานแนวโน้มด้านดิจิทัลของ Adobe ฉบับล่าสุด เผย แบรนด์ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าอยู่เสมอ
ผลการศึกษาล่าสุดของอะโดบี ภายใต้ความร่วมมือกับ Econsultancy ระบุว่า การนำเสนอประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience - CX) แบบเฉพาะบุคคลที่ดีเยี่ยมเป็นตั วแปรสำคัญที่สุดหรับการดำเนินธุ รกิจในปี 2562 อย่างไรก็ตาม การปรับใช้เทคโนโลยีด้ านการตลาดและจัดการประสบการณ์ลู กค้ายังคงมีลักษณะไม่ต่อเนื่อง รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับข้อมู ลเชิงลึกด้านดิจิทัล: แนวโน้มด้านดิจิทัลในปี 2562 (“Digital Intelligence Briefing: 2019 Digital Trends”) ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกั บสถานะปัจจุบันของแนวโน้มทางด้ านดิจิทัลซึ่งจะส่งผลกระทบต่ อบริษัทต่าง ๆ ในช่วงหนึ่งปีนับจากนี้
แบรนด์เห็นพ้อง “CX” เป็นโอกาสของธุรกิจ แต่การปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้ าถึงโอกาสดังกล่าวกลับเชื่องช้า
การสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ ยมแก่ลูกค้าจะเป็นหนึ่งภารกิ จสำคัญที่ทุกแบรนด์ต้องให้ ความสนใจมากขึ้นในปีนี้ โดย เกือบหนึ่งในห้า (19%) ของผู้ตอบแบบสอบถามได้เล็งเห็ นถึงโอกาสดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี กว่าครึ่งหนึ่ง (54%) ของแบรนด์ทั่วโลกระบุว่า พวกเขามีความพร้อมด้านการพัฒนา CX แล้ว ขณะที่ 46% ระบุ ว่า มีความพร้อม แต่ ‘ไม่สูงมากนัก”และ 8% ‘ไม่มีความพร้อม’ เลย ด้านบริษัทในสหรัฐฯ (15%) ระบุ มีความพร้อม “สูงมาก” ในการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้ างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามในAPAC มีเพียง 9% เท่านั้นที่ระบุเช่นนั้น
พอล่า พาร์คส์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชีย- แปซิฟิกของอะโดบี กล่าวว่า “ผลการศึกษาของเราบ่งชี้ว่า ถึงแม้จะมีเทคนิคและแนวทางใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ลู กค้าเกิดขึ้น แต่องค์กรต่าง ๆ กลับประสบปัญหาในการก้าวให้ทั นกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ วนี้ ภารกิจสำคัญของเราคือการทำงานร่ วมกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อปลดล็อคความเป็นไปได้ ในการจัดการประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความรวดเร็วในขับเคลื่ อนองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่มี ประสิทธิภาพ”
แบรนด์ต่าง ๆ จะเริ่มให้ความสำคัญกั บการนำเสนอบริการและสินค้าที่ ตอบสนองความต้ องการและประสบการณ์ที่ตรงใจผู้ บริโภคแต่ละคน (Personalisation) รายงานของอะโดบีชี้ว่า สองในห้าของนักการตลาดที่ ตอบแบบสอบถาม (44%) ระบุว่า การรับรู้และเข้าถึงทุกความคิ ดเห็นและความต้องการของลูกค้ าเกิดขึ้นบนช่องทางการสื่อสารต่ าง ๆ เป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด โดยนักการตลาด (31%) มองว่า ‘การไม่นำเทคโนโลยีด้ านการตลาดมาใช้’ คืออุปสรรคที่ขัดขวางต่อการติ ดต่อสื่อสารกับลูกค้าและการเข้ าถึงกลุ่มเป้าหมาย
และเพื่อสร้างความแตกต่างด้ านการแข่งขัน แบรนด์ ควรขยายความสามารถในการนำเสนอบริ การและสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้ องการเฉพาะบุคคลผ่านการวิ เคราะห์ดาต้า โดยนักการตลาด (32%) ชี้ว่า ‘การนำเสนอประสบการณ์เฉพาะบุ คคลแบบเรียลไทม์’ ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุ ดในช่วงสามปีนับจากนี้
ปี 2562 แบรนด์จะเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้ นด้วย “ดาต้า”
นอกจากนี้ รายงานแนวโน้มดิจิทัลประจำปี 2562 ของอะโดบีเปิดเผยว่า แบรนด์ทั่วโลกจำเป็นที่จะต้ องปรับใช้เทคโนโลยีด้ านการตลาดและ CX ที่มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการดำเนิ นงานในอนาคต ทั้งนี้ แบรนด์ส่วนใหญ่ (64%) ระบุว่า พวกเขาใช้เทคโนโลยีช่ วยในการดำเนินกิจกรรมทางด้ านการตลาด โดย แบ่งเป็น กลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่ างกัน(46%) มาทำการตลาด ขณะที่ อีกกลุ่ม (18%) นำคลาวด์มาปรับใช้เพียงเล็กน้ อยหรือไม่ใช่เลย แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะดีขึ้ นเมื่อเทียบกับรายงานของอะโดบี เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังมีแบรนด์เพียงส่วนน้อยที่ ได้รับประโยชน์ จากการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิ ภาพต่าง ๆ มาปรับใช้
ผลการศึกษายังพบว่า มีแบรนด์ไม่ถึง 1 ใน 10 แห่งทั่วโลก (9%) ที่ ‘ปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์มาขั
ด้านการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) และแมชชีน เลิร์นนิง (Machine Learning - ML) ขององค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่า ครึ่งหนึ่งของแบรนด์ที่ ตอบแบบสอบถามตระหนักถึงคุ ณประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีเหล่ านี้ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยในกลุ่มดังกล่าว ได้แบ่งออกเป็น องค์กรที่ ‘กำลังใช้งาน’ หรือ ‘มีแผนที่จะลงทุน’เทคโนโลยี AI และ ML ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามอีกครึ่ งหนึ่งระบุว่า พวกเขายังสามารถดำเนินธุรกิจได้ อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องพึ่ งพาเทคโนโลยีดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้บริหารแบรนด์ในภูมิภาค APAC มีความเห็นเชิงบวกต่ อการนำระบบออโตเมชัน (Automation) มาใช้มากกว่าในสหรัฐฯ โดยมีเพียง 24% ใน APAC เท่านั้นที่ระบุว่า ตนเองรู้สึก ‘ไม่แน่ใจ’ ในเทคโนโลยีนี้ เมื่อเทียบกับ 34% ของแบรนด์ในสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น แบรนด์ต่าง ๆ ใน APAC (24%) เผย การดำเนินงานด้านการปกป้องข้อมู ลผู้บริโภคมาถูกทางแล้ว พร้อมเดินหน้ารักษาความเชื่อมั่ นแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
พาร์คส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าอแบรนด์ต่าง ๆ จะเข้าใจถึงความสำคั ญของเทคโนโลยี และแนวทางการตลาดที่ขับเคลื่ อนด้วยข้อมูล เช่น เทคโนโลยี AI และ Machine Learningแต่ก็ยังคงมีความล่าช้าในการปรั บใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่ หลาย ๆ แบรนด์ใช้หลายเทคโนโลยีพร้อมกัน แต่ไม่ สามารถประสานการทำงานระหว่ างเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ ซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิ จขาดความต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกใช้โซลูชั่นที่ มีศั กยภาพในการผสานการทำงานของเทคโน โลยีต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างมีระบบ จะช่วยปลดล็ อคความสามารถในการดำเนินกิ จการของแบรนด์ ให้พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดี เยี่ยมแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิ ทธิภาพได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ ผู้บริหารแบรนด์ในภูมิภาค APAC มีความเห็นเชิงบวกต่
พาร์คส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าอแบรนด์ต่าง ๆ จะเข้าใจถึงความสำคั
Post a Comment