Huawei เปิดตัว 4 อุปกรณ์ใหม่พร้อมการสัมผัสจริงกับ Mate XS, MatePad Pro และ Matebook D14



เรียกได้ว่าเมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2020) เป็นอีกวันที่มีการเปิดตัวของกลุ่ม โทรคมนาคมและรวมถึง Gadget IT ค่อนข้างแรง แต่วันนี้ผมขอสรุปสิ่งที่ Huawei เปิดตัวเมื่อคืนกันก่อนดีกว่า เพราะมีหลายตัวที่น่าสนใจอย่างมาก

Huawei Mate XS



ชิ้นแรกเริ่มจากตัวนี้ก่อนเพราะยังคงใช้ดีไซน์ Falcon Wing อันเป็นเอกลักษณ์ แต่มีความแข็งแรงภายในทั้งกลไกและหน้าจอที่เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นไม่เบาเลยทีเดียว แม้ว่าหน้าตาจะคล้ายเดิมก็ตาม กับหน้าจอที่มีขนาดเล็กสุดอยู่ด้านหลังเพื่อไว้ Selfie ขนาด 6.2 นิ้ว กางออก 6.8 นิ้วและด้านหน้า 6.7 นิ้ว



มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 มาพร้อมกับ EMUI 10.0.1 ใหม่ล่าสุดออกแบบให้สามารถตอบสนองในการใช้งาน Multi Tasking ทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน และสามารถ Drag & Drop ได้ด้วย ถือว่าสมบูรณ์แบบ และยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่าง MatePad Pro ได้

ขุมพลังของเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับ Kirin 990 5G รองรับคลื่นในไทยครบแน่นอนทั้ง 700 และ 2600 MHz แถมมีขนาด 7 นาโนเมตร ประหยัดไฟ และแบตเตอรี่แยกเป็น 2 ส่วนขนาดรวมกัน 4500mAh กำลังชาร์จไฟ 55W เรียกได้ว่าแรงสุดไปเลย มีความจำทั้ง RAM 8GB / ROM 512GB สามารถเพิ่มผ่าน Nano Memory ได้

นอกจากนี้กล้องหลังประกอบไปด้วยเลนส Leica ทั้งหมด 4 ตัวสเปกเหมือนกับ Mate 30 ได้แก่



  • 40 ล้านพิกเซลแบบ Sensing Camera
  • 16 ล้านพิกเซลแบบ Ultra Wide
  • 8 ล้านพิกเซลแบบ Tele Photo
  • ToF Camera
ทั้งหมดทำให้การถ่ายภาพไม่ว่าจะเป็นแบบปกติหรือ Selfie ทำให้เกิดความได้เปรียบในการถ่ายวิดีโอ ส่วนโหมดโปรยังจำกัดเฉพาะกล้องหลัง (จอใช้ขนาดใหญ่ หรือด้านหน้าเท่านั้น)

แต่ราคาในยุโรปเคาะที่ 2,499 ยูโร หรือคิดออกมาที่ 85,000 บาทเลยทีเดียว

Huawei MatePad Pro



ตัวแพงผ่านไปเรามาดูรุ่นคุ้มค่ากันเล็กน้อยกับ Huawei MatePad Pro ที่มีหน้าจอแบบ LCD ที่มีความละเอียดสูงมากที่ 2560x1600 พิกเซล และยังมาพร้อมกับพื้นที่มหาศาลถึง 90% หรือแทบจะไม่มีขอบของเครื่องปรากฏอยู่เลย และด้านหลังใช้วัสดุแบบ ไฟเบอร์กลาส และมีหนักให้เลือกด้วย

ในภาพรวมการถือเรียกได้ว่าเบาพอสมควร ทั้งนี้ยังคงใช้ Android 10 ครอบด้วย EMUI 10 รุ่นใหม่ ที่สามมารถให้มือถือเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Tablet รุ่นนี้ได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว



และยังทำงานกับ M-Pencil นอกจากชาร์จไฟไร้สายผ่านขอบได้แล้วแรงกดของปากกายังรองรับได้มากถึง 4,096 ระดับ

ขุมพลังยังคงเป็น Kirin 990 และมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่น LTE หรือ 5G และยังรองรับ WiFi 6 พร้อมกับเป็น Tablet รุ่นแรกที่รองรับระบบชาร์จไฟไร้สาย 27W, ระบบแบ่งจ่ายไฟออกให้อุปกรณ์อื่นได้ และที่สำคัญคือ Super Charge 40W ก็รองรับ



โดยราคาเริ่มต้นไม่ได้โหดร้ายกับ 599 ยูโร

Huawei Matebook Series



สำหรับ Notebook ของ Huawei แยกออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันที่เน้นความคุ้มและตอบโจทย์การใช้งานไม่ว่าจะเป็น
  • Huawei Matebook X Pro เน้นน้ำหนักและความบางแต่ขุมพลังใช้ Intel Core รุ่นที่ 10 ตัวท็อปใช้ i7 10510U
  • Huawei Matebook อยู่ตรงกลางเน้นการทำงานคล่องตัวและช่องเสียบที่ครบ
  • Huawei Matebook D Series ที่เคยเปิดตัวในประเทศไทยบอดี้และลักษณะของเครื่องเหมือนกับ Notebook 14 และ 15 นิ้ว แต่ว่าได้ช่องเสียบครบ ชาร์จไฟได้เร็ว และรองรับอุปกรณ์มากมาย และมีที่ชาร์จที่เผื่อกับอุปกรณ์อื่น เพราะขนาดเล็กนั่นเอง และรุ่นนี้มีให้เลือกทั้ง AMD และ Intel
และ Huawei Matebook Series มาพร้อมกับ Windows 10 แท้และยังได้ Microsoft Office ติดเครื่องใช้ฟรีอีกด้วย

Huawei Apps Gallery



และสุดท้ายกับ HMS หรือ Huawei Mobile Service ที่มีการอัปเกรดและพัฒนาขึ้นในหลายด้านทำให้เกิดความคุ้มค่าและนักพัฒนาไม่ต้องปวดหัวเพราะการทำโปรแกรมให้นั้นไม่ยากและยังมีกลยุทธ์ที่เรียกว่า All-scenario Seamless AI Life

HMS Core ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเวอร์ชันที่ 4 เป็นชุดเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อให้พันธมิตรและนักพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มของหัวเว่ยสามารถสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เข้าถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เต็มที่

นอกจากนี้ นักพัฒนาที่เลือกผนึกเอา HMS เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแอปพลิเคชันด้วยชุดเครื่องมือ HMS Core 4.0 จะสามารถนำคุณสมบัติเด่นต่างๆ ที่มาพร้อมกับดีไวซ์ของหัวเว่ยมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม AI อย่าง HiAI หรือเทคโนโลยีและคุณสมบัติเพื่อการถ่ายภาพครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ปลายทาง



Cewe ผู้ให้บริการพิมพ์ภาพถ่ายรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ได้นำ Share Kit ของหัวเว่ยไปประยุกต์ใช้ในสำนักงาน เพื่อให้กระบวนการการจับคู่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพนักงานสามารถพิมพ์ชิ้นงานออกมาได้เร็วกว่าที่เคย

เพียงนำดีไวซ์ของหัวเว่ยมาแตะที่เครื่องพิมพ์เท่านั้น ประสบการณ์เหนือระดับเช่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น แต่ยังพร้อมนำเสนอให้กับผู้ใช้ทั่วไปผ่านทาง HUAWEI AppGallery ที่มีแอปพลิเคชันระบบ HMS ให้เลือกสรรมากมาย พร้อมเสิร์ฟความสะดวกสบายที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมของหัวเว่ย



นอกจากนี้ HUAWEI AppGallery ยังมอบประสบการณ์ใหม่ในรูปของ Quick Apps นวัตกรรมแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับอุปกรณ์ในยุค 5G โดยแอปพลิเคชันประเภท Quick Apps นี้ พัฒนาขึ้นตามมาตรฐานระดับโลกเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งลงในเครื่อง

ทั้งยังใช้หน่วยความจำน้อยอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานแอปเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพลิดเพลินไปกับการแสดงผลที่สวยงาม ตอบสนองราบรื่นเสมือนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งเองในแบบทั่วไป

ทั้งนี้ แอปพลิเคชันที่ใช้งานเทคโนโลยี Quick Apps นี้ กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานผ่าน HUAWEI AppGallery แล้วกว่า 1,700 แอป



นอกจากการพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองแล้ว หัวเว่ยยังได้คัดสรรแอปคุณภาพสูงอันเป็นที่นิยมจากทั่วโลก เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยได้ริเริ่มวางระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร เพื่อปกป้องผู้ใช้ให้ปลอดภัยจากแอปที่แฝงมาด้วยภัยร้าย

โดยมีมาตรการทั้งระบบยืนยันตัวตนนักพัฒนาด้วยชื่อจริง กระบวนการตรวจสอบ 4 ขั้นตอน ระบบความปลอดภัยในการดาวน์โหลดและติดตั้ง รวมถึงกลไกการป้องกันต่างๆ ขณะใช้งานแอป

Huawei Mate 30 Pro 5G




ขอปิดบทความนี้ด้วยเซอร์ไพรส์ของคนที่รอมือถือ 5G เพราะ Huawei เปิดตัว Mate 30 Pro เวอร์ชั่น 5G มาเฉพาะ สีส้มเท่านั้น สเปกทุกอย่างเหมือนกับ Mate 30 Pro ทั้ง RAM 8GB / ROM 256GB ในราคา 31,990 บาท และซื้อกับผู้ให้บริการเริ่มต้น 17,990 บาท รองรับ 700 / 2600MHz แน่นอน ขายจริง 5 มีนาคม นี้

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.