ทำไมแท็บเล็ตสเปกเทพถึงเป็นไอเทมจำเป็น ช่วยให้งานเข้ารัวๆ




“ใครๆ ก็เป็น Content Creator ได้” เป็นประโยคที่กลายเป็นข้อเท็จจริงมากขึ้นทุกวัน เมื่อการใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นช่องทางการแสดงผลงานได้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย มิหนำซ้ำยังหารายได้ได้อีกด้วย อาชีพ Content Creator จึงเป็นสิ่งที่แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ตามรายงานล่าสุดของ We Are Social ประเทศไทยมีผู้เข้าถึงโซเชียลมีเดียมากถึง 75% ของประชากรทั้งหมด หมายความว่าในตลาดนั้นมีการแข่งขันสูง เหล่าครีเอเตอร์จึงจำเป็นต้องมีทรัพยากรหรืออุปกรณ์ที่เหนือชั้นในการสร้างคอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค และอุปกรณ์นั้นก็ต้องเข้ากับวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของคนกลุ่มนี้อีกด้วย

 

วันนี้เราจะมาดูกันว่า ทำไม “แท็บเล็ต” เจ๋งๆ ถึงเป็นอุปกรณ์ที่นักสร้างสรรค์เขาใช้กัน

 

วิถีที่ 1: ชีวิตไม่เคยอยู่นิ่ง ต้องหาที่ปิ๊งไอเดียตลอดเวลา

 


Content หมายถึง “เนื้อหา” หมายความว่าสิ่งที่ Content Creator ขายเป็นหลักคือสาระที่มีความน่าสนใจมากพอที่จะทำให้คนกดเข้ามาอ่าน รับฟัง หรือรับชม กว่า “เนื้อหา” จะเกิดขึ้นได้แปลว่าต้องมี “ไอเดีย” ก่อน แน่นอนว่าการนั่งอยู่หน้าคอมในออฟฟิศเฉยๆ ไม่ใช่วิธีที่จะเกิดไอเดียขึ้นได้แน่ๆ ครีเอเตอร์จึงมักออกไปหาความคิดสร้างสรรค์ตามสถานที่ต่างๆ นอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ไว้ทำรีวิว และถ่ายรูป หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิมมิคน่าสนใจ แม้กระทั่งช่วงที่จำเป็นต้องอยู่บ้านแบบนี้ ก็จะเห็นได้ว่าคอนเทนต์มักมาจากกิจกรรมที่ทำได้ในบริเวณบ้าน เช่น การสอนทำอาหารและขนม เป็นต้น อุปกรณ์ไอทีที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ที่ชีวิตไม่อยู่กับโต๊ะทำงานจึงต้องมีขนาดบางเบาจับถนัดแต่หน้าจอกว้างอย่างแท็บเล็ต

 

นอกจากเรื่องความบางเบาแล้ว แท็บเล็ตที่เป็นรุ่นท็อปของแบรนด์ต่างๆ ที่ออกมาล่าสุด ยังสามารถจับคู่กับคียบอร์ด และปากกาอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย เช่น HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ที่รองรับ HUAWEI M-Pencil (2nd generation) และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard โดยน้ำหนักตัวเครื่องเบาเพียง 609 กรัม ถึงติดคีย์บอร์ดแล้วก็ยังหนักไม่ถึง 1 กก. จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับครีเอเตอร์ที่จะใช้เพื่อพิมพ์เนื้อหาเสมือนคอมพิวเตอร์ หรือจดไอเดีย และออกแบบกราฟิกประกอบงานด้วยปากกา เช่น สายทำครัวอาจจะอัปเดตบล็อกด้วยสูตรอาหาร พร้อมวาดรูปอาหารประกอบได้ด้วยเครื่องเดียวเลย

 

วิถีที่ 2: เรื่อง Multi-tasking เป็นสิ่งที่ต้องมาก่อน

 

เพราะอาชีพ Content Creator คืองานฟรีแลนซ์ที่ส่วนใหญ่มักเป็นนายตัวเอง การทำงานในแต่ละวันจึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าในตอนนั้นทำอะไรอยู่ เรียกได้ว่า Work กับ Live ไปด้วยกัน ทำให้ต้องทำทุกอย่างในเวลาเดียวกันบ่อยครั้งมาก เนื่องจากงานจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และสถานที่ ดังนั้นฟีเจอร์ Multi-tasking อัจฉริยะจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและมีประโยชน์สำหรับคนอาชีพนี้ อาทิ ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอจากแอปฯ เดียว ฟีเจอร์การแคสต์คอนเทนต์จากแล็ปท็อปมาที่แท็บเล็ต เป็นต้น

 

สายคอนเทนต์วิดีโอที่จำเป็นต้องออกกองถ่าย อาจจะต้องเปิดดูสคริปต์ และเบรคดาวน์ 2 ไฟล์ไปพร้อมกับการถ่ายงาน ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอจากแอปฯ เดียว หรือสำหรับหัวเว่ยจะเรียกว่า APP Multiplier จะทำให้การใช้แอปฯ ทำงานอย่าง WPS Office สามารถแสดงผลได้สองไฟล์พร้อมกันโดยแบ่งหน้าจอซ้าย-ขวา

 

ส่วนสายกราฟิก มัลติมีเดียที่ต้องพรีเซนต์งานนอกสถานที่กับลูกค้าอาจใช้วิธีแคสต์หน้าจอจากแล็ปท็อป ไปที่แท็บเล็ตแบบ Mirror Mode เพื่อให้ลูกค้าดูสไลด์ไปพร้อมกับที่ตนเองควบคุมพรีเซนเทชันเองได้ หรือระหว่างทำธุระข้างนอกแต่งานตัดต่อต้องส่งด่วน ก็สามารถใช้ Extend Mode แบ่งให้แท็บเล็ตกลายเป็นจอที่สอง เพื่อตัดงานส่งให้ทันเดดไลน์ได้ง่ายกว่าเดิม หากใช้อีโคซิสเต็มของหัวเว่ยก็สามารถใช้ HUAWEI MateBook Series และเชื่อมต่อกับ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch โดยทำ Multi-screen Collaboration ผ่าน HUAWEI Share ได้เลย กรณีนี้ยังสามารถทำงานในแท็บเล็ตแบบเร็วๆ แล้วส่งไฟล์ข้ามระบบปฏิบัติการด้วย Collaborate Mode ได้ด้วย

 

วิถีที่ 3: งานคอนเทนต์เป็นมากกว่าตัวอักษร

 

การสร้างสรรค์งานในฐานะนักเขียนหลังบ้าน บล็อกเกอร์ วล็อกเกอร์ หรือจะเป็นขั้นอินฟลูเอนเซอร์ แน่นอนว่าผลงานไม่ได้มีเพียงตัวอักษร เพราะช่องทางการนำเสนอเป็นโซเชียลมีเดียที่พึ่งภาพ เสียง และวิดีโอเป็นหลัก เดิมทีทุกอย่างสามารถทำได้บนแล็ปท็อป แต่นั่นหมายความว่าต้องถ่ายภาพ วาดภาพ หรืออัดวิดีโอจากอุปกรณ์อื่นมาก่อน แถมยังต้องใช้โปรแกรมราคาสูง และความสามารถในการทำงานเหล่านี้ แต่เมื่อมีการพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ขึ้นมา ก็ทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น สามารถลงมือออกแบบหรือตัดต่อบนแท็บเล็ตเครื่องเดียวได้ง่ายๆ เลย

 

ปัจจุบันแอปพลิเคชันที่เหมาะสำหรับครีเอเตอร์ ก็จะไม่พ้นการสร้างแอนิเมชัน การออกแบบกราฟิกตกแต่ง และการตัดต่อวิดีโอ แอปฯ แนะนำสำหรับการสร้างแอนิเมชันที่สามารถใช้ได้ทั้งคนที่ยังหัดวาด หรือมือโปรแล้วคือ FlipaClip นักครีเอทที่ใช้แท็บเล็ตพรีเมียมพร้อมปากกา ก็สามารถแสดงฝีมือง่ายๆ เพียงชมวิธีการสอนจากแอปฯ และทำตามได้เลย ด้านนักวาดภาพประกอบอาจจะเล่าเรื่องผ่านภาพด้วยการอวดผลงานที่สร้างผ่านแอปฯ อย่าง SketchBook ที่เมื่อสร้างผลงานเสร็จก็แชร์ขึ้นโซเชียลมีเดียโปรดได้ทันที ส่วนวล็อกเกอร์ นักรีวิว ต่างๆ ก็สามารถตัดต่อวิดีโอแบบ on-the-go บนแท็บเล็ต ได้ด้วยแอปฯ เช่น Film Maker Pro, Inshot, หรือ YouCut โดยแอปพลิเคชันทั้งหมดเหล่านี้สามารถหาได้บนทุกตลาดแอปพลิเคชันรวมถึง HUAWEI AppGallery

 

หลายคนอาจจะคิดว่าสุดท้ายการทำงานได้แม่นยำที่สุดอาจต้องใช้แล็ปท็อปอยู่ดี แต่อันที่จริงแล้วสามารถวางใจได้เพราะแท็บเล็ตยุคนี้เองก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีจอภาพให้แสดงสีของงานได้ชัดเจน อย่าง HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ที่ใช้ระบบสีมาตรฐาน DCI-P3 มีความแม่นยำของสี △E <0.5 ก็สามารถแสดงผลให้เห็นสีได้สมจริง ทั้งงานออกแบบ และวิดีโอ

 

วิถีที่ 4: โปรเจ็คละเอียดอ่อนต้องใช้การจัดการขั้นโปร

 


ความบางเบา อุปกรณ์เสริมพร้อมฟีเจอร์ Multi-tasking และการรองรับแอปพลิเคชันเพื่อการใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้ และเรียกว่าสำคัญที่สุดสำหรับ Content Creator เลยก็คือการจัดการไฟล์ที่จะช่วยเก็บผลงานได้อย่างเป็นระบบระเบียบ สำหรับนักออกแบบ และนักวาดก็ต้องมีโฟลเดอร์ที่แยกจัดเก็บเวกเตอร์ และงานฉบับไฟนอลตามโฟลเดอร์ลูกค้าให้เป็นระเบียบ ส่วนงานภาพถ่าย และวิดีโอก็ต้องคัดแยกภาพ และฟุตที่ใช้ได้ ให้สามารถเข้าถึงและนำไปทำงานต่อได้ง่ายๆ เรียกได้ว่าหากขาดฟีเจอร์นี้ไปคงเสียเวลาในการทำงานมาก แท็บเล็ตรุ่นท็อปในปัจจุบันนอกจากได้รับการอัปเกรดให้มี File Manager ที่สามารถเก็บข้อมูลได้เสมือนแล็ปท็อป ยังรองรับระบบคลาวด์ที่สามารถขยายพื้นที่การจัดเก็บได้

 


 

สำหรับผู้ที่สนใจระบบ File Management และ Cloud บนแท็บเล็ตคู่ใจเพื่องานสายครีเอเตอร์ ลองดู HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ที่เพิ่งวางจำหน่ายสีใหม่ Olive Green แบบสดๆ ร้อนๆ ในราคา 34,990 บาท ที่มาพร้อม HUAWEI M-Pencil (2nd generation) และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard กับของสมนาคุณมูลค่ารวม 3,427 บาท เมื่อซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 6 - 23 กรกฎาคม 2564 รับไปเลย HUAWEI Classic Backpack, HUAWEI Cloud (50GB ระยะเวลา 3 เดือน), HUAWEI VDO (ระยะเวลา 1 เดือน), WPS VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) และ FilmoraGo VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) โดยสั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/3hdozHe รวมถึง HUAWEI Store, JD Central, Lazada, Shopee, HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

 


 

พร้อมน้องใหม่ HUAWEI MatePad Pro 10.8-inch สำหรับคนรักความคล่องตัวอีกระดับที่พร้อมให้คุณได้เป็นเจ้าของแล้วในราคา 26,990 บาท และเมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่6 - 23 กรกฎาคม 2564 รับไปให้หนำใจกับ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, HUAWEI M-Pencil, HUAWEI Cloud (50GB ระยะเวลา 3 เดือน), HUAWEI VDO (ระยะเวลา 1 เดือน), WPS VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) และ FilmoraGo VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) มูลค่ารวม 10,717 บาท โดยสามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ https://bit.ly/3hftfh2 HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนแพลตฟอร์ม E-Commerce อย่าง JD Central, Lazada, Shopee

 

สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ Huawei Mobile TH และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่

รายละเอียดเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติม https://bit.ly/3qEnJYy

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.