สรุปการเปิดตัว Apple Event "Peek Performance" พีคตั้งแต่ต้นปีต้องมีอะไรดี

 


จบไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับงาน Apple Event ใน Theme ที่มีอชื่อว่า "Peek Performance" แน่นอนว่ามันมีดีกว่าที่หลายคนคิดและแน่นอนว่าหน่วยข่าวหลุดก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดียวกัน มาดูกันว่างานนี้เขาเปิดอะไรบัางดีกว่า

iPhone 13 / iPhone 13 Pro สีใหม่




เริ่มต้นกับ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro กันก่อนเลยครับ จุดเด่นไม่ต้องพูดเยอะให้เจ็บคอ มันคือสีใหม่ที่มีชื่อว่า Alpine Green (แต่ iPhone 13 จะเรียกว่า Green เฉย) และเพิ่ม Wallpapaer เท่านี้ จบ ราคาเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



iPhone SE (2022)




ต่อกับด้วย iPhone SE รุ่นปี 2022 ยังคงมีขนาด 4.7 นิ้วเท่าเดิม พร้อมกับหน้าจอแบบ Super HDR4, กล้องหน้าหลังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือสามารถกำหนดโทนสีได้เหมือนกับ iPhone 13 เลยครับ ขุมพลัง Apple A15 Bionic 5G ก็มา และแน่นอนว่า Touch ID อยู่เหมือนเดิม ราคามีดังนี้

  • 64GB = 15,900 บาท
  • 128GB = 17,900 บาท
  • 256GB = 21,900 บาท

iPad Air Gen 5



ถือว่าเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรสำหรับ iPad Air รุ่นที่ 5 แต่ยังคงได้หน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว Liquid Retina Display คาดว่าความละเอียดเท่าเดิม รองรับ Apple Pencil 2 พร้อมกับปุ่ม Touch ID ด้านบนเหมือนเดิม แต่ที่จะเปลี่ยนเยอะคือขุมพลัง Apple M1 และมีกล้องหน้า Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับฟีเจอร์ Center Stage ด้วย ส่วนราคาแบ่งออกเป็นดังนี้

Wi-Fi

  • 64GB = 20,900 บาท
  • 256GB = 25,900 บาท 

Wi-Fi + Cellular

  • 64GB = 25,900 บาท
  • 256GB = 30,900 บาท


Mac Studio + M1 Ultra


ก่อนที่จะเข้าถึงเรื่องของ Mac Studio ก็มีการเปิดตัวชิป Apple M1 Ultra ที่สุดของชิปในกลุ่ม M1 Series โดยรอบนี้คือการนำชิป 2 ตัวมาชนกันและรีดประสิทธิภาแบบเต็มที่ ได้ทั้งรองรับการใช้ไฟสูงสุด 200W เท่านั้น 


ตัว CPU เองแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ 16 Core ประสิทธิภาพสูง และ 4 แกนประหยัดพลังงาน ทำให้ความเร็วมีการเคลมว่าสูงถึง 90% เมื่อเทียบกับขุมพลังแบบ 16 Core ปกติ นอกจากนี้ยังทำให้การมี Bandwidth ที่สูง ส่งผลให้ประมวลผลได้รวดเร็ว รองรับความจำประเภท RAM ได้ถึง 128GB เลยทีเดียว



กลับมาที่ตัว Mac Studio กันดีกว่า มันคือ Mac Mini แต่น่าจะกินสารเพิ่มพลัง ทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นกว่าเดิม และทำให้ระบบระบายความร้อนดีขึ้น โดยการดูดข้างล่างปล่อยข้างบน แต่ช่องเสียบยังมีอยู่รอบตัวทั้ง Thunderbolt 4, USB-C, HDMI, LAN, ช่องเสียบหูฟังแบบโปร แต่ด้านหน้ามี USB-C และ Thunderbolt พร้อมกับ SD Card Reader ด้วยครับ



ขุมพลังมีให้เลือก 2 เกรดคือ M1 Max รุ่นเดียวกับ Macbook Pro และ M1 Ultra ที่เป็นขุมพลังที่นำ M1 Max มาชนกัน 2 ตัวนั่นเอง



ทั้งนี้ราคาของ Mac Studio มีดังนี้

  • Mac Studio ขุมพลัง M1 Max = 69,900 บาท
  • Mac Studio ขุมพลัง M1 Ultra = 139,900 บาท
ราคานี้ยังเป็นราคาเริ่มต้น เท่านั้น ซึ่งถ้าคุณเพิ่มอะไรราคาก็จะสูงไปมากกว่านี้

Studio Display

ปิดท้ายกับหน้าจอ Studio Display ที่มีเทคโนโลยีการแสดงผลที่มาแบบจัดเต็มทั้งในเรื่องของการแสดงผลหน้าจอที่มีขนาด 27 นิ้ว, การแสดงผลสีระดับ 1 พันล้านสี ทำให้สีสันออกมาเที่ยงตรง แต่ใครว่าหน้าจอรุ่นนี้จะมีดีแค่การแสดงผลภาพผิดแล้ว เพราะว่ามีการใส่สิ่งเหล่านี้ด้วย




  • USB-C + Thunderbolt 4 ที่จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ Apple อย่าง Macbook Pro ได้กำลังไฟสูงสุด 96W
  • ลำโพง 6 ตัวที่ให้คุณภาพเสียงระดับ Spatial Audio
  • กล้อง Webcam 12 ล้านพิกเซล มุมมองกว้างระดับ Ultra Wide และมี Center Stage
  • ไมโครโฟนทั้งหมด 3 จุดด้วยกันทำให้เสียงที่ออกมาใส่และไร้การรบกวนเรื่องของเสียง
ส่วนราคาของหน้าจอรุ่นนี้อยู่ที่ 54,900 บาท 

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.