รีวิว Huawei Mate 20 X มือถือจอใหญ่จับได้กระชับมือ และเล่นเกมได้แรง
หลังจากที่ ผมเองได้รีวิว Huawei Mate 20 รุ่นปกติกันไปแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่จะเผยรีวิวอีกรุ่นกับ Huawei Mate 20 X ใหม่ล่าสุดเช่นเดียวกัน และมันเปลี่ยนแปลงมากน่อยแค่ไหน มาดูกันเลยดีกว่า

ตอนเห็นเครื่องครั้งแรก ตกใจครับ ด้วยความที่เครื่องใหญ่ระดับว่า เอาใจคนบอกว่า ขอใหญ่พิเศษ เพราะคุณได้หน้าจอ 7.2 OLED ความละเอียด 2240x1080 พิกเซล ผมว่าเพียงพอแล้ว แต่ก็เป็นข้อดีคือเมื่อได้จอใหญ่ คุณก็จะได้ font ตัวอักษรที่ใหญ่แบบยังไม่ทันปรับเลย ส่วนบนมีกล้องตรง notch ขนาด 24 ล้านพิกเซลและลำโพงอยู่บนสุด

รอบตัวเครื่อง ออกแบบได้เหลี่ยมกำลังเหมาะสม ฝั่งซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ด nano SIM 2 ช่อง แต่ว่าสามารถเปลี่ยนเป็น NM (nano memory ) Card เพิ่มความจำได้อีก ฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและ Power ส่วนบนมี ลำโพงตัวที่ 1 พร้อมกับ infrared และมี ช่องเสียบ 3.5 มม. ส่วนล่างมีช่องเสียบ USB-C พร้อมไมโครโฟน 2 ตัวและลำโพงตัวที่ 2

ด้านหลังของ Huawei Mate 20 X มีกล้องหลัง 3 ตัวจาก Leica แต่มีระบบสแกนลายนิ้ว และมีโลโก้ Huawei ด้านล่าง และมีสีให้เลือก midnight blue และ phantom sliver


ถึงแม้ว่าลูกเล่นภาพรวมของ Huawei Mate 20 X แทบเหมือนกับ Mate 20 Pro แต่เราจะเริ่มกับสิ่งที่ Mate 20 X มีและแตกต่าง เริ่มจาก


หน้าจอรองรับกับปากกา M Pen ที่สามารถเปลี่ยนหัวปากกาได้ และมีความแม่นยำ รองรับแรงกด 4,096 ระดับ แต่จากที่ได้ลอง ถือว่าสร้างสรรค์ดี แต่หัวปากกาแข็งทำให้ไม่ Smooth เท่า Galaxy note แต่มันดีกว่า Apple Pencil
ระบบเสียง Dolby ATMOS เหมือนกับรุ่น Mate 20 Pro แต่ว่า สิ่งทีแตกต่างกันไปเลยคือลำโพงของมัน ทั้งใหญ่และให้เสียงดังกระหึ่มทรงพลัง เก็บรายละเอียดได้ดี และ ทำงานได้ดี แต่ว่าน่าเสียดายที่ระบบปรับรูปแบบเสียงมันปรับได้น้อยไปหน่อย


ระบบความปลอดภัยมีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง แต่การทำงานยืนยันครับ ไวกว่ามือถือทั่วไป และ สแกนใบหน้าแบบ 2D


กล้องหน้าของ Huawei Mate 20 X มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล มี Beauty Mode เล่น 3D Qmoji ได้






ส่วนกล้องหลัง ไม่พูดมาก เจ็บคอ เหมือน Huawei Mate 20 X เลย เพียงแต่ว่า โทนสีอาจจะไม่จัดจ้านเท่า Mate 20 Pro แต่สำหรับผมเองถือว่ารับได้ และใช้งานได้หลากหลาย ชอบสุดคือระบบโฟกัสของมัน ซึ่งทำงานได้รวดเร็ว ภาพออกมา สวยอยู่ครับ แค่นั้นเอง รองรับวิดีโอ 4K 60 FPS
ในภาพรวมแม้จะขาดอะไรไปบ้าง การทำงานของเครื่อง ผสมกับ Dual NPU จาก Kirin 980 ทำให้ ดูไม่แตกต่างกันมากนักเมื่อเทียบกับ Mate 20 Pro


เห็นได้ชัดเจนว่าสเปคเครื่องของ Huawei Mate 20 X เท่ากับ Mate 20 Pro อย่างเช่น Kirin 980, RAM 6GB, ROM 128GB สามารถเพิ่มความจำ Nano SD แทบทุกเรื่องแต่ทำไมคะแนนกลับสูงกว่า เหตุผลเพราะระบบระบายความร้อนของ Mate 20 X กลับดีกว่า ด้วยการใช้ Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film (Huawei เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า huawei Super Cool) ทำให้ตัวเครื่องระบายความร้อนได้ดีเลยทีเดียว การใช้งานลื่นไหลและตอบสนองดีไม่น้อย
ส่วนฟีเจอร์ GPU Turbo ก็มีผลทำให้มันเล่นเกมลื่น แต่ตอนนี้ยังรองรับแค่บางเกม

การเชื่อมต่อรองรับทั้ง 4G LTE-A, Bluetooth V5.0, WiFi 802.11 AC, GPS เป็นแบบ Dual band ที่มีความแม่นยำสูง

ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมระบบ Super Charge ที่ีองรับกำลังไฟแค่ 22.5W ถือว่าใช้ได้นะ แต่ว่า จากการใช้งานแบบเต็ม 1 วัน ทุกด้านการใช้งานตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม พบว่า ต่ำกว่า 50% เล็กน้อยมาจัดว่าทนมากแล้วนะ
5 เรื่องที่ชอบที่ได้ใช้ Huawei Mate 20 X
ข้อสังเกตุที่ควรพิจารณา

จากที่ได้ลองมา 2 รุ่นสำหรับ Huawei Mate 20 Series ต้องบอกว่า Mate 20 X ถึงแม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรที่น่าตื่นเต้นเท่ากับรุ่นโปรเช่นทั้งเรื่องของการสแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ เป็นต้น แต่ ทั้งกล้องก็เหมือนกัน จอใหญ่พิมพ์ได้ถนัดมือ แบตเตอรี่ที่ใหญ่และเพียงพอต่อการใช้งาน และ ลำโพงที่โคตรดังเลย ก็คงเพียงพอสำหรับคนที่ต้องการมือถือ For Entertainment และ เล่นเกมก็ได้ดีเพราะมีระบบระบายความร้อนที่เยี่ยม

ราคาของมันอยู่ที่ 28,990 บาท ฟังดูแล้วว่า อ้าวราคานี้เท่ากับ iPad Pro เลย แต่มันก็เป็นคนละกลุ่ม คนที่อยากได้รุ่นนี้ก็คงรู้เพราะอะไร และผมแทบบอกว่าถ้าใครถามผมว่าผมเองอยากได้ Mate 20 รุ่นไหนมากที่สุด คำตอบก็คงเป็นรุ่นนี้แหล่ะ ไม่ต้องอธิบายมาก เพราะอะไร มันคุ้มค่ารอบตัว ในความพอดีๆ แล้วครับ
แรกให้รูปร่าง : มันคือ Huawei Mate 20 สูบลมชัดๆ

ตอนเห็นเครื่องครั้งแรก ตกใจครับ ด้วยความที่เครื่องใหญ่ระดับว่า เอาใจคนบอกว่า ขอใหญ่พิเศษ เพราะคุณได้หน้าจอ 7.2 OLED ความละเอียด 2240x1080 พิกเซล ผมว่าเพียงพอแล้ว แต่ก็เป็นข้อดีคือเมื่อได้จอใหญ่ คุณก็จะได้ font ตัวอักษรที่ใหญ่แบบยังไม่ทันปรับเลย ส่วนบนมีกล้องตรง notch ขนาด 24 ล้านพิกเซลและลำโพงอยู่บนสุด

รอบตัวเครื่อง ออกแบบได้เหลี่ยมกำลังเหมาะสม ฝั่งซ้ายมีช่องใส่ซิมการ์ด nano SIM 2 ช่อง แต่ว่าสามารถเปลี่ยนเป็น NM (nano memory ) Card เพิ่มความจำได้อีก ฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและ Power ส่วนบนมี ลำโพงตัวที่ 1 พร้อมกับ infrared และมี ช่องเสียบ 3.5 มม. ส่วนล่างมีช่องเสียบ USB-C พร้อมไมโครโฟน 2 ตัวและลำโพงตัวที่ 2

ด้านหลังของ Huawei Mate 20 X มีกล้องหลัง 3 ตัวจาก Leica แต่มีระบบสแกนลายนิ้ว และมีโลโก้ Huawei ด้านล่าง และมีสีให้เลือก midnight blue และ phantom sliver
ฟีเจอร์ของ Huawei Mate 20 X ที่น่าใช้


ถึงแม้ว่าลูกเล่นภาพรวมของ Huawei Mate 20 X แทบเหมือนกับ Mate 20 Pro แต่เราจะเริ่มกับสิ่งที่ Mate 20 X มีและแตกต่าง เริ่มจาก


หน้าจอรองรับกับปากกา M Pen ที่สามารถเปลี่ยนหัวปากกาได้ และมีความแม่นยำ รองรับแรงกด 4,096 ระดับ แต่จากที่ได้ลอง ถือว่าสร้างสรรค์ดี แต่หัวปากกาแข็งทำให้ไม่ Smooth เท่า Galaxy note แต่มันดีกว่า Apple Pencil
ระบบเสียง Dolby ATMOS เหมือนกับรุ่น Mate 20 Pro แต่ว่า สิ่งทีแตกต่างกันไปเลยคือลำโพงของมัน ทั้งใหญ่และให้เสียงดังกระหึ่มทรงพลัง เก็บรายละเอียดได้ดี และ ทำงานได้ดี แต่ว่าน่าเสียดายที่ระบบปรับรูปแบบเสียงมันปรับได้น้อยไปหน่อย


ระบบความปลอดภัยมีสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง แต่การทำงานยืนยันครับ ไวกว่ามือถือทั่วไป และ สแกนใบหน้าแบบ 2D


กล้องหน้าของ Huawei Mate 20 X มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล มี Beauty Mode เล่น 3D Qmoji ได้






ส่วนกล้องหลัง ไม่พูดมาก เจ็บคอ เหมือน Huawei Mate 20 X เลย เพียงแต่ว่า โทนสีอาจจะไม่จัดจ้านเท่า Mate 20 Pro แต่สำหรับผมเองถือว่ารับได้ และใช้งานได้หลากหลาย ชอบสุดคือระบบโฟกัสของมัน ซึ่งทำงานได้รวดเร็ว ภาพออกมา สวยอยู่ครับ แค่นั้นเอง รองรับวิดีโอ 4K 60 FPS
ในภาพรวมแม้จะขาดอะไรไปบ้าง การทำงานของเครื่อง ผสมกับ Dual NPU จาก Kirin 980 ทำให้ ดูไม่แตกต่างกันมากนักเมื่อเทียบกับ Mate 20 Pro
ประสิทธิภาพของ Huawei Mate 20 X เป็นอย่างไร


เห็นได้ชัดเจนว่าสเปคเครื่องของ Huawei Mate 20 X เท่ากับ Mate 20 Pro อย่างเช่น Kirin 980, RAM 6GB, ROM 128GB สามารถเพิ่มความจำ Nano SD แทบทุกเรื่องแต่ทำไมคะแนนกลับสูงกว่า เหตุผลเพราะระบบระบายความร้อนของ Mate 20 X กลับดีกว่า ด้วยการใช้ Vapour Chamber (VC) และ Graphene Film (Huawei เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า huawei Super Cool) ทำให้ตัวเครื่องระบายความร้อนได้ดีเลยทีเดียว การใช้งานลื่นไหลและตอบสนองดีไม่น้อย
ส่วนฟีเจอร์ GPU Turbo ก็มีผลทำให้มันเล่นเกมลื่น แต่ตอนนี้ยังรองรับแค่บางเกม

การเชื่อมต่อรองรับทั้ง 4G LTE-A, Bluetooth V5.0, WiFi 802.11 AC, GPS เป็นแบบ Dual band ที่มีความแม่นยำสูง

ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมระบบ Super Charge ที่ีองรับกำลังไฟแค่ 22.5W ถือว่าใช้ได้นะ แต่ว่า จากการใช้งานแบบเต็ม 1 วัน ทุกด้านการใช้งานตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม พบว่า ต่ำกว่า 50% เล็กน้อยมาจัดว่าทนมากแล้วนะ
5 เรื่องที่ชอบที่ได้ใช้ Huawei Mate 20 X
- จอสวยใหญ่คมชัด
- เสียงดังมากกกกกและชัดเจน
- ประสิทธิภาพแรงเท่ารุ่นแพง
- กล้องหน้าหลังสวยงาม
- แบตฯอึดกว่า
ข้อสังเกตุที่ควรพิจารณา
- ฟีเจอร์กันน้ำน้อยไปหน่อย
- ขนาดใหญ่อาจจะไม่ถูกใจสำหรับทุกคน
- น่าจะให้ความจำภายในตัวที่มากกว่านี้สักหน่อยจะดี
คุ้มค่าหรือไม่ หากจะซื้อ Huawei Mate 20 X

จากที่ได้ลองมา 2 รุ่นสำหรับ Huawei Mate 20 Series ต้องบอกว่า Mate 20 X ถึงแม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์อะไรที่น่าตื่นเต้นเท่ากับรุ่นโปรเช่นทั้งเรื่องของการสแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ เป็นต้น แต่ ทั้งกล้องก็เหมือนกัน จอใหญ่พิมพ์ได้ถนัดมือ แบตเตอรี่ที่ใหญ่และเพียงพอต่อการใช้งาน และ ลำโพงที่โคตรดังเลย ก็คงเพียงพอสำหรับคนที่ต้องการมือถือ For Entertainment และ เล่นเกมก็ได้ดีเพราะมีระบบระบายความร้อนที่เยี่ยม

ราคาของมันอยู่ที่ 28,990 บาท ฟังดูแล้วว่า อ้าวราคานี้เท่ากับ iPad Pro เลย แต่มันก็เป็นคนละกลุ่ม คนที่อยากได้รุ่นนี้ก็คงรู้เพราะอะไร และผมแทบบอกว่าถ้าใครถามผมว่าผมเองอยากได้ Mate 20 รุ่นไหนมากที่สุด คำตอบก็คงเป็นรุ่นนี้แหล่ะ ไม่ต้องอธิบายมาก เพราะอะไร มันคุ้มค่ารอบตัว ในความพอดีๆ แล้วครับ
Post a Comment